“ชินอิจิ อิโตะ” เบื้องหลัง แรงผลักดัน หรือ…ผู้สร้าง

การพัฒนาเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันกีฬา และสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ด้วยแล้ว เด็กไทยมากมายที่มีความฝันและพรสวรรค์แต่ยังขาดการถูกขัดเกลา อย่างเดียวกับดาบชั้นยอดที่ถูกตีขึ้นรูปจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ!  “มร.ชินอิจิ อิโตะ” อดีตนักแข่งชาวญี่ปุ่นระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ จากฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอเรชั่น (HRC) ในฐานะ Coach Advisor ได้เข้ามาร่วมรับบทบาทเป็นหนึ่งในผู้ตีดาบแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย…

Mr. Shinichi Ito (มร.ชินอิจิ อิโตะ) หรือ “อิโตะซัง” ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานักแข่งรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 (ปี ค.ศ. 2019) โดยได้รับมอบหมายจาก HRC ให้มาช่วยดูแลโปรแกรมการพัฒนานักแข่งในโครงการ Honda Academy แต่ในช่วงปลายปีนั้นก็ต้องประสบกับวิกฤตโรคระบาด จึงจำเป็นต้องยอมกลับประเทศญี่ปุ่นไปก่อน แต่ในที่สุด “อิโตะซัง” ก็ได้มีโอกาสกลับมาสานต่อการพัฒนานักแข่งเยาวชนไทยต่อ โดยมาคราวนี้ “อิโตะซัง” บอกว่า “5 ปี ที่ผ่านมานักแข่งเยาวชนไทยในโครงการ Honda Academy มีการพัฒนาขึ้นมาก เขารู้สึกว่านักแข่งมีเป้าหมายชัดเจนขึ้น และยังมีทักษะที่สูงขึ้นด้วย” โดยเขาได้วางแผนให้นอกจากการลงสนามซ้อมปกติแล้ว ยังเพิ่มการฝึกจากเครื่อง simulation จำลองการแข่งเสมือนจริง ที่จะช่วยเพิ่มทักษะในการทำเวลา การอ่านเกมส์การแข่งขัน รวมถึงเทคนิคชั้นเชิงในการขับขี่ในแต่ละสนามได้ดีขึ้นอีกด้วย

นอกจากเรื่องของการฝึกทักษะแล้ว “อิโตะซัง” ยังเน้นเรื่องของการพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกายด้วย ทั้งยังสรุปจุดแข็ง จุดอ่อน ของนักแข่งแต่ละคน เพื่อให้เกิดการพัฒนาแก้ไขหรือลดข้อบกพร่องของตนเอง และเพิ่มเติมจุดแข็งที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังลงลึกไปถึงเรื่องของการเข้าใจการทำงานระหว่างนักแข่งกับทีมช่าง ซึ่งจะเป็นอีกจุดที่สำคัญสำหรับนักแข่งอาชีพต่อไป

สำหรับในปีนี้ “อิโตะซัง” วางให้มีการลงฝึกทั้งทางเรียบและโมโตครอสเพิ่มขึ้น โดยลดเรซการแข่งขันลง เพื่อนักแข่งจะได้มีการพัฒนาในเรื่องของการควบคุมรถ การเข้าใจธรรมชาติของรถและตัวเองให้ได้ดีที่สุด เมื่อถึงเรซแข่งขันนักแข่งจะสามารถเค้นเอาความสามารถของตนเองออกมาใช้ได้ถูกที่ถูกเวลามากที่สุด

สำหรับ “มร.ชินอิจิ อิโตะ” แล้ว ปัจจุบันก็เป็นผู้จัดการทีม(หรือจะเรียกว่าเจ้าของทีมก็ได้)ในญี่ปุ่นชื่อว่า “ทีม เอส ไอ”  ซึ่งเป็นทีมที่แข่งอยู่ในรายการออลเจแปนที่ญี่ปุ่น และตอนนี้ก็ยังได้ร่วมมือกับ “ไทยฮอนด้า” ลงแข่งในรุ่น SB 1000 ของรายการ เอเชียโรด เรซซิ่ง อีกด้วย ทั้งนี้ “อิโตะซัง” ยังได้กล่าวอีกว่า “ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตก็อยากเห็นนักแข่งเด็กๆ อะคาเดมี่เหล่านี้ ไปโลดแล่นในรายการแข่งขันอื่นๆ เช่น เออาร์อาร์ซี หรืออาจจะเป็นรายการแข่งขันที่สูงขึ้นไปอีกถ้าเป็นไปได้ แต่เด็กๆ ต้องตั้งใจฝึกแล้วก็ทำการบ้านที่โค๊ชแนะนำ ซึ่งนักแข่งบางคนมีพรสวรรค์มาก และถ้าเรารู้จักกันเร็วกว่านี้ อาจเป็นไปได้ที่จะมีเด็กไทยที่มีพรสวรรค์ได้ไปโลดแล่นในระดับโลกต่อจากรุ่นพี่…”

สำหรับการคว้าแชมป์รายการแข่งขัน Suzuka 4 Hours Endurance 2024 ที่สนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่นโดยในรอบนี้เรามี พี่มุก มุกลดา สารพืช มาช่วยเป็นโค๊ช และได้ร่วมมือกับทีม SI Racing ได้ส่งนักแข่งแล้วก็ช่าง สอง คนไปจอยกับทีม Astemo SI Racing With Thai Honda นำทีมโดย “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์   “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว  และ “จิมมี่” บูรพา วันมูล ซึ่งทางทีมได้มีข้อมูลดาต้าที่นักแข่งไทยเคยมาขี่อยู่แล้ว แม้ว่าจะมีอุปสรรคที่นักแข่งไทย โดยไม้คิวกับมิคจะยังไม่คุ้นเคยกับยางบริดจสโตนแล้วก็โช๊คโชวะ ซึ่งเดิมที่เราใช้เออริน แต่ทางทีมได้ใช้ข้อมูลจากมุกดาแล้วก็จิมมี่จะมีประโยชน์มากๆ ในส่วนของรถที่ใช้แข่งจะเป็นรถ CBR600RR ซึ่งจะเป็นรถที่อยู่ในระดับหัวแถวของออลเจแปน เครื่องยนต์ก็เป็นเครื่องใหม่เลย อีโต้ซัง ซึ่งรู้ฝีมือของนิคกับไม้คิวเป็นอย่างดีทำให้ไม่ห่วงในเรื่องของการแข่งขัน สำหรับเทคติกเกี่ยวถึงกลยุทธ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อเพลิงเรื่องการเปลี่ยนยาง ส่วนเรื่องการขับขี่แต่ละโค้งในสนามจะมีมุกลดามาช่วยอีกแรง ทำให้นักแข่งไทยสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ

นอกเหนือจากพรสวรรค์และความมุ่งมั่นของนักแข่งแล้ว แนวคิด ทัศนะคติ รวมไปถึงขั้นตอนการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนนักแข่งไทย ที่ทาง “อิโตะซัง” ได้วางเส้นทางเอาไว้นี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนานักแข่งไทยให้ก้าวขึ้นไปสู่การแข่งขันระดับโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้ายต้องชื่นชมคนเบื้องหลัง ที่คอยสร้างแรงผลักดัน กำลังใจ และเชื่อว่าทุกคนล้วนมีส่วนเป็น “ผู้สร้าง” ร่วมกันได้!    

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *